ผ่าดวงเลข ๗ ตัวครั้งที่ ๒
หมอชิต บางบำหรุ
ตัวอย่างดวงครูดังนี้ คนเกิดวันอาทิตย์ ๑ เดือนอ้ายหรือเดือนแปด ๑ ปีชวดหรือมะแม ๑
หลักที่ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ฐานที่ ๑ ฐานวัน
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ฐานที่ ๒ ฐานเดือน
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ฐานที่ ๓ ฐานปี
๓ ๖ ๙ ๑๒ ๑๕ ๑๘ ๒๑ ฐานที่ ๔ ฐานรวมกำลังดาว
หลักที่สาม ฐาน ๓/๙ ไม่สามารถชิ่งไปอ่านเลขอะไรได้ ก็ไม่ยากครับคุณก็เอา ๙ ลบด้วย ๗
คงเหลือ ๒ คุณก็อ่านชิ่งไปหาความหมายของ หลักที่สอง คือหินะ กดุมภะ และศุภะ เอาไปร่วมแปลความหมายของ ธานัง สหัสชะ และกัมมะได้
ทีนี้พอมาถึงหลักที่สี่ทำอย่างไรปรากฎว่า ฐานคือ ๔/๑๒ จะใช้วิธีเดิมคือ เอา ๑๒ ลบด้วย ๗ คงเหลือ ๕ คุณก็เอาหลักที่ห้า ที่มีเลข ๕ มาอ่านร่วมด้วย คือมาตา ปุตตะ พยายะ มาอ่านร่วมกับหลักที่สี่ ปิตา พันธุ ลาภะ ก็ย่อมได้เช่นเดียวกัน
ส่วนหลักที่ห้า ฐาน ๕/๑๕ ๑๕ เป็นกำลังของพระจันทร์ซึ่งคุณชิ่งไปอ่านที่หลักที่สองได้อยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอา ๗ มาลบออก
ต่อมาก็หลักที่หก ฐาน ๖/๑๘ ก็ให้เอา ๑๘ ลบด้วย ๗ สองหน คงเหลือ ๔ คุณก็เอาไปอ่านร่วมกับหลักที่สี่ ปิตา พันธุ ลาภะ ก็ย่อมได้เช่นเดียวกัน
หลักที่เจ็ดก็เช่นเดียวกันกับหลักที่ห้า คือ ฐานฯ ๗/๒๑ ๒๑ คือกำลังของดาวศุกร์คุณก็ชิ่งไปอ่านที่หลักที่หก คือ โภคา อริ ทาสา ได้อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องลบด้วย ๗
หรือไม่คุณก็ตั้งเป็นอีกฐานหนึ่งขึ้นมาก็ได้ ดังนี้
หลักที่ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ฐานที่ ๑ ฐานวัน
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ฐานที่ ๒ ฐานเดือน
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ฐานที่ ๓ ฐานปี
๓ ๖ ๙ ๑๒ ๑๕ ๑๘ ๒๑ ฐานที่ ๔ ฐานรวมกำลังดาว
๓ ๖ ๒ ๕ ๑๕(๒) ๔ ๖(๒๑)
ทีนี้เราก็มาย้อนกลับมาเริ่มต้นกันที่การตั้งดวงเลข ๗ ตัวกันใหม่หลังจากเกริ่นเทคนิคของวิธีการอ่านดวงเลข ๗ ตัวให้ได้ความหมายกันมาก ๆ ขอบอกว่าอย่าไปกลัวนะครับว่าเราดูดวงด้วยเลข ๗ ตัว แล้วเขาจะหาว่าไม่ใช่นักโหราศาสตร์ ไม่มีปฏิทินดาวโคจรจริง
ขออนุญาตเอาคำพูดของท่านอาจารย์เสวก นิ่มวงษ์ ท่านอาจารย์ทางโหราศาสตร์อีกท่านหนึ่งของกระผม สมัยไปเรียนกับท่านที่บางนา ท่านบอกว่าคุณแน่ใจหรือว่าดาวต่าง ๆ ที่ลงในปฏิทินมีระยะทาง หรือสถานที่อยู่ตรงนั้นจริง ตามดวงของคุณ คุณใช้ไม้เมตรไปวัดระยะทาง หรือวัดมุมได้เท่านั้นจริงหรือ มันก็ไม่ใช่มันเป็นเพียงการสมมุติกันขึ้นมาด้วยวิธีการต่าง ๆ
อย่าว่าอะไรเลยแม้แต่โหราศาสตร์ยูเรเนียน ก็ยังมีดาวที่สมมุติกันขึ้นมาหลังจากที่พบดาวเนปจูน ซึ่งท่านอาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ ให้นิยามชื่อว่า “ ดาวทิพย์ ” ในทางสากลเรียกว่า “ Transneptune ” ซึ่งก็ยังเป็นดาวที่สมมุติขึ้นมาโดยทางโหราศาสตร์สายนั้น และการจรที่เรียกว่าจรแบบ “ โค้งสุริยยาตร์ ” เราก็ยังเรียกว่า “ จรทางโหราศาสตร์ ” สมมุติให้เวลา ๑ ปีเท่ากับ ๑ องศาโดยประมาณ
ดังนั้นทั้งหลายทั้งปวงก็คือการอุปมาอุปไมยเอาทั้งสิ้น แล้วเก็บสถิติเอามาใช้พยากรณ์มาใช้พยากรณ์กัน ขอให้เราทดสอบกันจริง ๆ เรียนกันจริง ๆ สนใจกันจริง ๆ นำมาใช้พยากรณ์ได้ก็ถือว่าคุณได้เข้ามาในวงการนี้แล้วครับ
ทีนี้เรามาเข้าเรื่องเลข ๗ ตัวกันเลยนะครับ อันว่าเลข ๗ ตัว อาจารย์บางท่านก็เรียกให้เพราะว่า สัตตเลข ก็ถือว่าตั้งชื่อมาให้แปลกันอีกทีเป็นสองจังหวะ คำว่าสัตตะ ก็คือ เจ็ด ดังนั้นสัตตเลขก็คือเลข ๗ ตัว ส่วนฐาน ก็มีตั้งแต่ ๓ ฐาน ๔ ฐาน ๖ ฐาน ๗ ฐาน ๙ ฐาน ๑๑ ฐาน หรือจะเป็นอะไรที่หลาย ๆ ฐาน ทั้งหมดก็มาจาก เลข ๗ ตัว ๔ ฐานเป็นอันดับแรก
ฐานวัน
เลข ๗ ตัวใช้ปฏิทินทางจันทรคติ ดังนั้นฐานวัน หรือฐานที่ ๑ เราจึงใช้เวลา ๖.๐๐ น.เช้าของวันใหม่เป็นเกณฑ์ บางตำราก็ใช้ ๕.๓๐ ของวันใหม่เป็นเกณฑ์ ก็แล้วแต่จะถนัดใช้กันไป สำหรับของผมใช้ ๖.๐๐ น. ของเช้าเป็นเกณฑ์เริ่มวันใหม่
เรื่องตัดเวลากันในเวลาหกโมงเช้าเป็นเกณฑ์บางท่านงง ก็ขออย่าได้งงครับ ประมาณตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นมาส่วนใหญ่พวกเราคลอดกันตามโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็จะบันทึกวันเวลาเกิดของเราตามสากลกัน ก็คือถ้าเราเกิดหลังเที่ยงคืน หรือ ๒๔.๐๐ น.เป็นต้นมา เขาก็จะบันทึกเวลาเกิดของเราเป็นวันใหม่เลยเช่น คนเกิดวันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๔๙๒ เวลาเกิดเที่ยงคืนสิบห้านาที หรือ ๒๔.๐๐ น. พยาบาลก็จะบันทึกใบสูติบัตร เป็นเกิดวันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๔๙๒ เวลาเกิด ๐๐.๑๕ นาฬิกา ดังนี้เป็นต้น
ดังนี้วันเกิดจริงของคนนี้คือวันเสาร์ เพราะยังไม่ถึง ๖.๐๐ น.ของเช้าวันอาทิตย์
ฐานวันจะประกอบไปด้วยภพ หรือเรือน ดังนี้
อัตตะ หินะ ธานัง ปิตา มาตา โภคา มัชฌิมา
ในฉบับหน้าเราจะเริ่มความหมายกันโดยละเอียดต่อไป
